อธิบายส่วนต่างๆของปลา
เหงือก ซึ่งเป็นอวัยวะที่ปลาใช้สำหรับหายใจ ภาษานักเลงปลากัดในภาคใต้เรียกว่า "เหงือกใน" เป็นอวัยวะอยู่ในกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างของปลา เป็นจุดเปราะบางที่สุดของปลาก็ว่าได้ ปลากัดตัวใดถูกกัดเข้าที่เหงือกแม้แต่เพียงครั้งเดียว ก็จะพ่ายแพ้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดายทันที เรียกว่าวิ่งหนีอย่างไม่รู้ตัวก็ว่าได้ ตามภาษานักเลงปลากัดในภาคใต้เรียกว่า "หลวด" คือหมายถึงอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง และเฉียบพลันจนทำให้ลืมตัว หรือช๊อคได้นั่นเอง ปลากัดตัวใดถูกกัดเหงือกจะพ่ายแพ้คู่ต่อสู้ทั้ง ๆ ที่กำลังเป็นต่ออยู่ก็มี เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้วงการกัดปลาต้องกลับตาลปัตร หรือพลิกล็อคมาแล้วก็มาก
ครีบใต้ท้องถัดจากตะเกียบ หรือไม้เท้า เป็นครีบยาวไปจรดหางบางแห่งเรียกว่า "ม่าน" บางแห่งเรียกว่า"ราวท้อง"
ครีบส่วนปลายสุดของม่าน หรือราวท้อง เรียกว่า "ท้ายน้ำ" หรือ "ชายน้ำ
ครีบที่อยู่บนสันหลังตอนกึ่งกลางตัวปลา เรียกว่า "กระโดง" หรือ "โดง" เป็นครีบสั้น ๆ แต่ปลากัดเก่ง บางตัวก็จอาจจะมี "โดง" ใหญ่ติดต่อไปจนถึงโคนหางตอนบนก็มี
โคนหาง เรียก "กระเบนหาง" ในท้องถิ่นภาคใต้เรียกว่า "แป้น" เป็นอวัยวะสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ปลากัดตัวใดถูกกัด "แป้น" บ่อย ๆ ก็จะพ่ายแพ้ได้ง่าย
ครีบคู่ที่อยู่ในส่วนถัดไปของแก้มทั้งสอง เรียกว่า "หูน้ำ" หรือ "พัดน้ำ" เป็นอวัยวะที่สำคัญที่ปลาใช้สำหรับการเคลื่อนไหว หรือทรงตัว และเป็นส่วนเปราะบางส่วนหนึ่งของปลากัด ปลากัดตัวใดกัดติดหูน้ำฝ่ายตรงกันข้ามเรียกว่า "ติดหูน้ำ" หรือ "ฉวยหูน้ำ" และถ้าปลากัดตัวใดถูกกัดหูน้ำบ่อย ๆ จะทำให้หูน้ำพิการ เรียกว่า "หูน้ำตาย" จนในที่สุดก็ว่ายน้ำไม่ได้
หาง เป็นส่วนสำคัญในการเคลื่อนไหว และทรงตัวของปลาส่วนหนึ่ง และยังเป็นจุดเปราะบางอีกแห่งหนึ่งเช่นกันปลากัดตัวใดถูกกัดหางขาดจนหมด หรือถูกคู่ต่อสู้กัดติดหางนาน ๆ ที่เรียกว่า "ติดหาง" หรือ ถูก"ฉวยหาง" ถ้าติดนาน ๆ และบ่อยครั้งก็จะทำให้ปลาตัวนั้นสันหลังหัก และหมดแรงเอาได้ง่าย ๆ เช่นกัน
ปลากัดป่าแต่ละภาค
ปลากัดป่าหรือปลาลูกทุ่งที่พบในธรรมชาติตามท้องนา หนองบึง ส่วนใหญ่จะเป็นปลาขนาดเล็กที่ไม่เด่นมากนัก ในสภาพปกติสีอาจเป็นสีน้ำตาล เทาหม่น หรือสีเขียว และอาจมีแถบดำจาง ๆ
พาดตามความยาวของลำตัว อาศัยหลบซ่อนตัวอยู่ระหว่างพรรณไม้น้ำในที่ตื้น
ความพิเศษของปลากัด
อยู่ที่ความเป็นนักสู่โดยธรรมชาติเมื่อพบปลาตัวอื่นจะเข้าต่อสู้กันทันที
และที่พิเศษยิ่งกว่านั้นคือการที่ปลาตัวผู้สามารถเปลี่ยนสีให้งดงามเมื่อถูก กระตุ้น
ในสภาวะตื่นตัวครีบทุกครีบจะแผ่กางออกเต็มที่ แผ่นเยื่อหุ้มเหงือขยายพองตัวออก
พร้อมกับสีน้ำเงินหรือแดงที่ปรากฏขึ้นมาชัดเจนในโทน ต่าง ๆ ทำให้ดูสง่าอาจหาญ
และสวยงาม ปลาป่าแท้นั้นส่วนมากครีบ หางและกระโดงที่ภาษานักแปลงปลาเรียกรวมว่า
"เครื่อง" จะมีสีแดงเกือบตลอดมีประดำบ้างเล็กน้อย บางทีอาจมีเส้น เขียว ๆ แซมบ้าง
อย่างที่เรียกว่าเขียวก็มีเพียงแต้มเขียวอ่อน ๆ ที่กระโดงเท่านั้น
เวลาถอดสีปกติทั้งตัวและเครื่องเป็นสีน้ำตาลจืด ๆ คล้ายใบหญ้าแห้ง
ที่ห้อยแช่น้ำอยู่
ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของปลากัดก็คือเป็นปลาที่มีอวัยวะช่วยหายใจพิเศษที่อยู่บริเวณเหงือกทำให้ปลาสามารถใช้ออกซิเจน
จากการฮุบอากาศได้โดยตรง
ปลากัดจึงสามารถทนทานดำรงชีวิตอยู่ได้ในที่ที่มีออกซิเจนต่ำ
ตำนานเล่าขานของปลากัดจึงค่อนข้างแปลกประหลาด ไปกว่าสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ บทความ
"ธรรมชาติของปลากัดไทย) โดย ม.ล. ยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา ที่เขียนไว้เมื่อปี 2496
ได้พูดถึงการขุดหาปลากัดในรูปูนา ตามขอบหนอง ชายบึง ริมคู และรางน้ำ
ซึ่งปลากัดเข้าไปอยู่อาศัยปนอยู่กับปูในรูตั้งแต่ต้นฤดูหนาว เมื่อน้ำเริ่มลดไป
จนตลอดหน้าแล้งปูก็จะขุดรูลึก ตามระดับน้ำลงไปเรื่อย ๆ
ปลากัดจะออกมาแพร่พันธุ์ใหม่ในต้นฝนในเดือนพฤษภาคม กระจายออกไปหากินตามที่มีหญ้ารก
ๆ ในเขตน้ำตื้นปลากัด เป็นปลาที่ชอบน้ำตื้น จึงไม่พบตามแม่น้ำลำคลอง หนองบึง
ที่มีน้ำลึก อันที่จริงในธรรมชาติการต่อสู่กันของปลากัดไม่จริงจังเท่าไรนัก
ส่วนมากมักแผ่พองครีบหางขู่กันเพื่อแย่งถิ่น บางตัวเห็นท่าไม่ดีก็อาจเลี่ยงไปโดยไม่
ต่อสู้กันเลยก็มี แต่บางคู่ก็ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง
ปลาตัวผู้ตัวไหนที่ยึดชัยภูมิเหมาะได้ที่ ก็จะก่อหวอดไว้แล้วพองตัวเบ่งสี
เกี้ยวตัวเมียที่ผ่านไปมา เพื่อผสมพันธุ์วางไข่
ปลากัดป่าภาคใต้
มีลักษณะคล้ายปลากัดภาคกลาง (B. splendens) และปลากัดอีสาน (B. smaragdina) แต่มีรูปร่างเรียวยาวและครีบหลังค่อนไปทางด้านหลังลำตัว มีพฤติกรรมก้าวร้าวน้อยกว่าปลากัดทั้ง 2 ชนิดข้างต้น มีลำตัวสีน้ำตาลอ่อนเหลือบแดงและน้ำเงิน ครีบหลังและครีบก้นสีคล้ำแดงมีแถบสีฟ้าเรืองแสง ปลายครีบก้นมีแต้มสีแดงสด มีขลิบสีขาว
พบในภาคใต้ของประเทศไทย มีขนาดยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ส่วนปลาที่พบในประเทศกัมพูชาแถบจังหวัดสตึงแตรงนั้น จะมีลำตัวและครีบสีดำคล้ำ
ปลากัดป่าภาคกลาง
ปลากัด หรือ ปลากัดภาคกลาง (อังกฤษ: Siamese fighting fish; ชื่อวิทยาศาสตร์: Betta splendens) เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก อยู่ในวงศ์Macropodinae ซึ่งอยู่ในวงศ์ใหญ่ Osphronemidae มีรูปร่างเพรียวยาวและแบนข้าง หัวมีขนาดเล็ก ครีบก้นยาวจรดครีบหาง หางแบนกลม มีอวัยวะช่วยหายใจบนผิวน้ำได้โดยใช้ปากฮุบอากาศโดยไม่ต้องผ่านเหงือกเหมือนปลาทั่วไป เกล็ดสากเป็นแบบทีนอยด์ ปกคลุมจนถึงหัว ริมฝีปากหนา ตาโต ครีบอกคู่แรกยาวใช้สำหรับสัมผัส ปลาตัวผู้มีสีน้ำตาลเหลือบแดงและน้ำเงินหรือเขียว ครีบสีแดงและมีแถบสีเหลืองประ ในขณะที่ปลาตัวเมียสีจะซีดอ่อนและมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่ามากจนเห็นได้ชัด
ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 6 เซนติเมตร พบกระจายอยู่ทั่วไปในแหล่งน้ำนิ่งที่มีขนาดตื้นพื้นที่เล็กทั้งในภาคกลางและภาคเหนือในประเทศไทยเท่านั้น สถานะปัจจุบันในธรรมชาติถูกคุกคามจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและสารเคมีที่ตกค้าง
มีพฤติกรรมชอบอยู่ตัวเดียวในอาณาบริเวณแคบ ๆ เพราะดุร้ายก้าวร้าวมากในปลาชนิดเดียวกัน ตัวผู้เมื่อพบกันจะพองตัว พองเหงือก เบ่งสีเข้ากัดกัน ซึ่งในบางครั้งอาจกัดได้จนถึงตาย เมื่อผสมพันธุ์ ตัวผู้จะเป็นฝ่ายก่อหวอดติดกับวัสดุต่าง ๆ เหนือผิวน้ำ ไข่ใช้เวลาฟัก 2 วัน โดยที่ปลาตัวผู้จะเป็นฝ่ายดูแลไข่และตัวอ่อนเอง โดยไม่ให้ปลาตัวเมียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ปลากัดป่าภาคอีสาน
ปลากัดเขียว หรือ ปลากัดอีสาน (อังกฤษ: Emerald betta, Blue betta, Mekong fighting fish ชื่อวิทยาศาสตร์: Betta smaragdina) เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก อยู่ในวงศ์ Macropodinae ซึ่งอยู่ในวงศ์ปลากัด ปลากระดี่ (Osphronemidae) มีรูปร่างและพฤติกรรมคล้ายปลากัดภาคกลาง (B. splendens) แต่มีรูปร่างที่เพรียวยาวกว่า เกล็ดมีสีเขียวมากกว่าทั้งที่ข้างแก้มและลำตัว ในบางตัวอาจมีเหลือบสีฟ้า ครีบมีสีเขียวหรือฟ้าและมีลายประสีดำ
พบในแหล่งน้ำตื้นที่นิ่งและไหลเอื่อย ๆ ในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย และประเทศลาว ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 5-6 เซนติเมตร
ปลากัดเขียว ที่พบในพื้นที่บึงโขงหลง พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดกว้างใหญ่ในจังหวัดบึงกาฬ พบมีลักษณะที่เด่นเฉพาะตัว คือ ก้านครีบหางจะมีการแตกตัว บางตัวอาจแตกได้มากถึง 4 ก้าน และในครีบหางจะมีลายขึ้นเป็นเส้นเต็มช่องระหว่างก้านหาง เริ่มตั้งแต่โคนหางกระจายออกไปจนอาจสุดปลายหาง มองดูคล้ายลักษณะของแมงมุม ปลาที่มีลักษณะเช่นนี้เรียกว่า "ปลากัดป่าหางลาย" หรือ "ปลากัดป่ากีตาร์" เนื่องจากเมื่อแผ่ครีบพองเหงือกเมื่อเจอกับปลากัดตัวอื่น ครีบท้องหรือครีบอกข้างใดข้างหนึ่งจะกระดิก คล้ายกับเวลามีผู้ดีดกีตาร์ นอกจากนี้แล้ว ปลากัดเขียว ในพื้นที่ต่าง ๆ ก็ยังมีสีสันและขนาดลำตัว ตลอดจนลักษณะครีบต่าง ๆ แตกต่างกันซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นชนิดใหม่ แต่เรื่องนี้ยังมิได้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์กันอย่างแท้จริง